สมาชิกเข้าสู่ระบบ
สมัครสมาชิกใหม่ | ลืมรหัสผ่าน
กลับไปหน้าแรก
มหาเวทย์ 63 สาขา แรก
ขายพระงั่ง แม่เป๋อ
หน้ารวมสินค้า
คลิกเพื่ออ่านศูนย์รวมความรู้
คลิปVDOให้ความรู้
ห้องพูดคุยแลกเปลี่ยนความรู้
วิธีชำระเงิน
ติดต่อ-สั่งซื้อ
สมัครสมาชิก
สถิติผู้เข้าชม
 ขณะนี้มีผู้เข้าใช้ 6
 ผู้เข้าชมในวันนี้ 256
 ผู้เข้าชมทั้งหมด 9,839,340
 เปิดเว็บ 26/03/2557
 ปรับปรุงเว็บ 04/04/2567
 สินค้าทั้งหมด 430
20 เมษายน 2567
อา จ. อ. พ. พฤ ศ. ส.
 
10  11  12  13 
14  15  16  17  18  19  20 
21  22  23  24  25  26  27 
28  29  30         
             
รู้จักเว็บ มหาเวทย์63 จากที่ไหน
# google
# นิตยสาร
# มีคนแนะนำมา
# ได้รู้จักจากคำบอกเล่า
# พบเจอโดยบังเอิญ
บูชาพระเครื่องรางให้ได้ผล!!
[11 มกราคม 2559 03:54 น.]จำนวนผู้เข้าชม 7538 คน
บูชาพระเครื่องรางให้ได้ผล!!   


                 พวกเราๆท่านๆอาจเคยได้ยินกันตั้งแต่วัยเด็กในเรื่องของประสบการณ์การใช้เครื่องรางของขลังในสมัยโบราณจากหลายหลวงพ่อ หรือพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังในสมัยโบราณ และเป็นที่มาของการตามหาเพื่อให้ได้ครอบครองวัตถุเครื่องรางนั้นๆจรึงได้เกิดเครื่องรางในตำนานที่มีผู้คน"ร่ำลือกันว่าขลังว่าแรงจนชื่อพระหรือเครื่องรางนั้นกลายเป็นอมตะจนถึงทุกวันนี้" เนื่องจากการใช้เครื่องรางที่ดีจริงก็จะมีประสบการณ์ที่ดีๆมากมายตามมา และส่วนมากก็มักจะเป็นการเสกสร้างของพระอาจารย์ในสมัยโบราณที่จะมีพลังจิตรเข็มแข็งไม่ธรรมดา อาจเป็นเพราะในสมัยโบราณนั้นมีความสงบทั้งทางกายทางใจและสิ่งแวดล้อมที่สงบเหมาะแก่การปฏิบัติทางจิตร เครื่องรางที่ใช้นั้นย่อมมีพุทธคุณที่ดีและพลังงานที่เข็มขลังการใช้ของคนในสมัยนั้นจรึงเกิดเหตุการณ์เหลือเชื่ออาทิเช่น การแคล้วคลาดจากภัยที่ไม่หน้าเป็นไปได้ เมตตามหาเสน่ห์โชคลาภ ล่องหนหายตัว ให้ญาณในของขลังไปเข้าฝันคนได้ ฟันไม่เข้า ยิงไม่ออก ปืนระเบิด และอีกมากมายส่วนใหญ่เจ้าของเครื่องรางจะใช้จิตรและวิชากำกับ ไม่ได้ใช้เพียงอย่างเดียวเหมือนในสมัยนี้ แต่ในปัจจุบันการใช้เครื่องรางจะต่างออกไปอย่าเห็นได้ชัดจากความเสถียรของการใช้เครื่องรางทุกประเภทมีน้อยลง และความเชื่อความศรัทธาแบบจริงใจน้อยลงส่วนใหญ่มักจะสงใสมากกว่าและเป็นวิชาการไปซะเยาะกว่าเนิ่องจากการเรียนการศึกษาในปัจจุบันเปลี่ยนไปจากอดีจต้องเข้าใจว่า  " ปัจจุบันนั้นเค้าให้ความสำคัญกับเรื่องวิทยาศาสตร์เทคโนโลยี แต่ ในอดีจเราจะให้ความสำคัญทางศาสนา และ พัฒนาทางจิตรมากกว่า " จรึงเห็นได้ชัดถึงการเปลี่ยนแปลงในสังคมแบบสลับขั้วคือ เราพัฒนาทางเทคโนโลยีดีขึ้นจนทันสมัย แต่พฤติกรรมและจิตรใจคนในปัจจุบันกลับดิ่งลง      

ในสมัยก่อนประเทศไทยโรงเรียนคือวัดเราจะเรียนหนังสือจากในวัดโดยมีพระภิกษุเป็นครูสอน และ (แฟชั่นสมัยก่อนคือสักยันต์และมีวิชาอาคม) บ้างไม่มากก็น้อยความนิยมนี้เป็นมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย และอยุธยา มาจนสมัยรัตนโกสินทร์ ใครเคยดูหนังเรื่องขุนแผนก็จะเข้าใจครับแต่ในปัจจุบันถ้าถามคนเกิดทันยุคสงครามโลกครั้งที่2 ก็จะรู้ครับเพราะคนที่เกิดในสมัยนั้นยังทันค่านิยมของการมีวิชาติดตัวและการเรียนการสอนในวัดอยู่การสอนในวัดกับพระจรึงได้ทั้งวิชาหากิน และวิชาอาคม บวกกับจิตรใจที่มีธรรมะเป็นพื้นฐานการใช้งานพระเครื่องรางของขลังจรึงมีความเข็มขลังมาก เพราะของขลังในแต่ละครูบาอาจารย์นั้นย่อมมีกฎมีระเบียบที่ต้องปฏิบัติแต่หลักๆก็แค่ คิดดีทำดี มีสมาธิ หมั่นสารบุญ ไม่ด่าพ่อล่อแม่ และมีความจริงใจในความศรัทธากับพระเครื่องรางของขลังและครูบาอาจารย์การใช้พระเครื่องรางของขลังจรึงทำให้เกิดพลานุภาพเต็มที่ แต่สมัยที่มีแต่วิทยาศาสตร์การใช้พระและความเชื่อจรึงเปลียนไป นักวิชาการก็จะไม่มีความเชื่อ ส่วนคนใช้พระบางกลุ่มก็จะอยากลองอยากรวยมากกว่าให้ความศรัทธากับพระองค์นั้งๆหรือให้ความศรัทธากับผู้สร้างก่อน ส่วนใหญ่จะอยากได้รับก่อนแล้วค่อยศรัทธาทีหลังลองสังเกตุดูให้ดีว่าสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คนเข้าไปกราบไหว้ทำไมถึงไม่รวยทุกคน ที่ไหนบอกดีก็ตามกันไป แต่ก็ไม่ได้ทุกคนเพราะส่วนใหญ่เราอยากได้ก่อนถึงยอมศรัทธา และบางครั้งศรัทธาก็ไม่ตลอดเพราะใจบางคนมันเอียง เพราะการไปขอพรหรือใช้งานจาก พระเครื่องรางของขลังศักดิ์สิทธิ์จะใช้ได้ดีไม่ยาก แต่จะใช้ได้นานและมีความเสถียรนั้นควร ให้มีคุณธรรมในระดับนึ่ง หรือมีจิตรที่ดีนำ และตามด้วยการสร้างบุญบารมีสำรองไว้ให้ตัวเอง และศรัทธาก่อนจะดี

 

"ควรจะศรัทธาท่านก่อนเพราะตัวเราต้องไปขอยืมบุญบารมีจากท่านมาใช้" เพราะตัวเราเองอาจจะดวงตกหรือไม่สมหวังมาและเมื่อเราขอยืมบุญบารมีเค้ามาใช้ก่อน เราก็ต้องทำบุญใช้สิ่งศักดิ์สิทธิ์นั้นๆ อย่าไปงกครับเพราะทุกครั้งที่เราทำบุญก็จะได้บุญทั้งตัวเองและสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหมือนเทียนต่อเทียน


ความแตกต่างของการศึกษาในอดีตและปัจจุบันวัดเป็นที่รวมสรรพวิชา การเรียนการสอนในสมัยก่อนเป็นการฝึก การอ่านออก เขียนได้ จับประเด็นได้ เรียนรู้พื้นฐานคณิตศาสตร์ บวก ลบ คูณ หาร การคัดลายมือ ศิลปะเฉพาะด้านเช่นช่างฝีมือ ช่างแกะสลัก 

การศึกษาเล่าเรียนในสมัยก่อน ถ้าเป็นผู้หญิงก็ต้องเรียนรู้การบ้านการเรือนจากจากคุณแม่คุณยาย ถ้าเป็นผู้ชายต้องศึกษาในวัด เพราะวัดเป็นที่รวมสรรพวิชา การเรียนการสอนในสมัยก่อนเป็นการฝึก การอ่านออก เขียนได้ จับประเด็นได้ เรียนรู้พื้นฐานคณิตศาสตร์ บวก ลบ คูณ หาร การคัดลายมือ ศิลปะเฉพาะด้านเช่นช่างฝีมือ ช่างแกะสลัก 

สมัยสุโขทัย (พ.ศ. 1781-1921) ใครผ่านการบวชเรียนก็จะเป็นที่ยอมรับของคนในสังคม ว่าเป็นผู้ที่มีวิชาความรู้มีความสามารถ และต่อมาในสมัยอยุธยาได้ให้ความสำคัญกับการบวชเรียนมาก โดยมีหลักเกณฑ์ว่าใครที่ผ่านการบวชเรียนจะสามารถเข้ารับราชการได้ ระบบการศึกษาของไทย ได้มีการปฏิรูปครั้งใหญ่ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เริ่มต้นด้วยการจัดตั้งโรงเรียนหลวงขึ้น ซึ่งทำให้การศึกษาวัดและโรงเรียนแยกกันออกอย่างชัดเจน



สมัยรัตนโกสินทร์
ในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ตอนต้น  การศึกษายังคงดำเนินไป เช่นเดียวกับสมัยกรุงศรีอยุธยากล่าวคือ มีวัดได้ให้ความรู้แก่พลเมืองให้เหมาะ แก่ความต้องการของประชาคม   วัดและบ้านรับภาระในการอบรมสั่งสอนเด็ก ส่วนรัฐหรือราชสำนักควบคุมตลอดจนให้ความอุปถัมภ์ตามสมควร  หนังสือราชอาณาจักรและชาวสยามของเซอร์จอห์นบาวริง ผู้สำเร็จราชการฮ่องกงซึ่งสมเด็จพระนางเจ้าวิกตอเรีย พระบรมราชินีนาถแห่งประเทศบริเตนใหญ่ ทรงแต่งตั้งเป็นอัครราชทูตมาเจริญทางพระราชพระราชไมตรีเมื่อ พ.ศ.2398 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกล่าวถึงการศึกษาสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ไว้สองแห่ง  

 แห่งหนึ่งมีความว่า
    “การศึกษาตั้งต้นแต่การโกนจุก แล้วเด็กผู้ชายถูกส่งไปอยู่วัดเรียนอ่าน เขียน และคำสอนศาสนากับพระ”
อีกแห่งหนึ่งมีความว่า

    “พระได้รับมอบหมายให้จัดการศึกษา และโรงเรียนอยู่ติดกับวัดโดยมาก ย่อมเป็นของธรรมดาอยู่เองที่การสอน 
                ให้รู้คำสั่งสอนและประกอบพิธีกรรมทางพุทธศาสนา   เป็นส่วนสำคัญมากของระบบการศึกษา 

......นอกจากเรียนหนังสือแล้ว ยังได้รับการสั่งสอนเรื่อง กิริยา มารยาท การพูดจา เพราะเด็กผู้ชายจะอยู่ที่วัดหรือไปกลับก็ตาม จะต้องคอยปรนนิบัติพระ เช่น ประเคนอาหาร ต้มน้ำชงชา ตำหมาก จนถึงบีบนวดเพราะพระที่สอนส่วนมาก จะมีอายุมากแล้ว ต้องรู้จัก หุงอาหารกินเอง ทำความสะอาดกุฏิที่อยู่ ก่อนนอนก็ต้อง
สวดมนต์ไหว้พระ

.....สรุปว่า การเรียนหนังสือกับพระ สมัยก่อน ได้ทั้งวิชาหนังสือ และความประพฤติที่ดีไปด้วย

ข้อมูลบางส่วนอ้างอิงจาก http://www.moe.go.th/main2/his_edu.htm

""บทความนี้มิได้หมายความว่าให้กลับไปเรียนวัดนะครับ เพียงแต่อยากจะบอกว่าเราควรพัฒนาทาง
   วิทยาศาสตร์ และ ศีล สมาธิ ปัญญา ไปพร้อมๆกันจะดีมากครับ ขอบคุณครับ""

 
ไสยศาสตร์ ไทย เขมร.?? เผยความจริงสุดตะลึง!!
- หุ่นพยนต์,, ข้ารับใช้ผู้ซื่อสัตย์ [11 มกราคม 2559 03:54 น.]
- ฟังเรื่องเล่า {ไอ้งั่ง} จากเดอะช็อค ผี หลอน [11 มกราคม 2559 03:54 น.]
- ​ไสยศาสตร์อิสลาม รุนแรงไม่แพ้ ไสยศาสตร์ไดๆ [11 มกราคม 2559 03:54 น.]
- ”เดรัจฉานวิชา” [11 มกราคม 2559 03:54 น.]
- วิชาไสยศาสตร์ กับ พระพุทธศาสนา [11 มกราคม 2559 03:54 น.]
- บูชาพระเครื่องรางให้ได้ผล!! [11 มกราคม 2559 03:54 น.]
- ประวัติกุมารทอง วิธีเลี้ยงกุมารทอง คาถากุมารทอง [11 มกราคม 2559 03:54 น.]
- ต้นกำเนิด ไสยศาสตร์..!! [11 มกราคม 2559 03:54 น.]
ดูทั้งหมด

Copyright by mahawed63.net
Engine by MAKEWEBEASY